วัตถุมงคลพระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร อรัญวาสีภิกขุ รุ่นมหาลาภพิมพ์เล็ห จัดสร้างขึ้นเมื่อปี 2556 วัดผาคำ(ผาแตก) จัดสร้างนำเหรียญรุ่นมหาลาภ(เล็ก)ไปถวายให้แก่ พระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร อัรญวาสีภิกขุ เพื่อให้อธิษฐานจิตปลุกเสกเป็นเวลา 3 ปี 3 เดือน 3 วัน ณ.ที่ ถ้ำราชคฤห์ อ.งาว จ.ลําปาง เมื่อปี2553 และในปี 2565 ให้ลูกศิษย์นำมาแจกให้ญาติโยมที่มารอกราบสักการะ พระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร อัรญวาสีภิกขุ เมื่อจำพรรษา ครบตามกำหนด มีการจัดการสร้างจำนวน 2,000 เหรียญเป็นเนื้อทองแดงรมดำ   ถือว่าเป็นรุ่นที่จัดสร้างได้น้อยและออกแบบได้สวย กำลังเป็นที่นิยม แก่ชาวจีนมากๆ ชื่อรุ่นความหมายดีเก็บง่ายราคาสบายกระเป๋าแน่นอน อีกหน่อยอาจจะนำเข้าสู่รายประกวดพระเครื่อง แน่นอน คนในพื้นที่หวงแหนมาก เพราะได้แจกกับมือ พระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร อัรญวาสีภิกขุ แบ่งท่านบูชาไปมีแต่สิ่งดีๆเข้ามา จึงไม่อยากจะปล่อยให้ง่ายๆ เพราะศรัทธาใน พระครูบามากๆ   เครดิตข้อมูล : trreaphong mukkat

วัตถุมงคลพระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร อรัญวาสีภิกขุ รุ่นอาลัยคุณแม่แสงหล้า จัดสร้างขึ้นเมื่อปี 2535 เป็นรุ่นที่พระครูบาบุญชุ่ม ญาณส๋วโร อรัญวสีภิกขุ ตั้งใจจัดสร้างเพื่อนำมาแจกในพิธีฌาปนกิจศพคุณแม่แสงหล้า กันธดา ในปี2535 มีลูกศิษย์และญาติโยมเข้าร่วมพิธีฌาปนกิจศพอย่างล้นหลามและได้แจกเหรียญรุ่นอาลัยคุณแม่แสงหล้าแกผู้ที่มาร่วมงาน มีการจัดการสร้างจำนวน 3,000 เหรียญเป็นเนื้อทองแดงรมดำ เป็นรุ่นที่พระครูบาบุญชุ่ม ญาณส๋วโร อรัญวสีภิกขุ ตั้งใจจัดสร้างและลงพิธีปลุกเสกด้วยตนเองส่วนน้อยจะไม่ค่อยมีนักสะสมสนใจรุ่นนี้มากนัก พระดีพิธีลึก ที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งหากมีนักสะสมที่เข้ามาศึกษา เชื่อได้ว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นที่ทุกๆคนควรมีติดคลังของตัวเองไว้แน่ๆ อีกอย่างยังมีในรายการประกวดพระเครื่อง(โต๊ะพระครูบาบุญชุ่ม ญาณส๋วโร) และมีเสน่ห์ตรงที่จะมีเส้นขนแมววิ่งทั่วเหรียญ เป็นที่รุ่นที่น่าสะสมมากๆ เครดิตข้อมูล : trreaphong mukkat เครดิตรูปหน้าปก : sutiroj tithapanachotiwattana

วัตถุมงคลพระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร อรัญวาสีภิกขุ รุ่นสมความปรารถนา จัดสร้างขึ้นเมื่อปี 2538 คณะลูกศิษย์สร้างมาถวาย เนื่องในวันคล้ายวันเกิด พระครูบาบุญชุ่ม ญาณส๋วโร อรัญวาสีภิกขุ  วันที่ 5 มกราคม 2538 ณ.วัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพงษ์ ประเทศพม่า ให้คณะลูกศิษย์แจกเหรียญรุ่นดังกล่าวแก่ ญาติโยมผู้ที่มาร่วมทำบุญในวันคล้ายวันเกิดของครูบาอีกด้วย มีด้วยกัน 2 เนื้อ คือ… *** ซึ่งมีจำนวนการจัดสร้างดังนี้ *** 1. เนื้อเงิน จำนวนการจัดสร้าง – 99 เหรียญ 2. เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง จำนวนการจัดสร้าง – 300 เหรียญ 3. เนื้อทองแดงรมดำ จำนวนการจัดสร้าง – 3,000 เหรียญ     เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่นักสะสมพระเครื่องรุ่นใหม่ๆ หันมาศึกษาเหรียญรุ่นนี้เป็นจำนวนมาก ชื่อรุ่นความหมายดี และ ทรงเหรียญแกะได้มีมิติสวยคมชัดมาก ถือว่าตอนนี้ยังพอมีหมุนเวียนทั้งในกลุ่มเฟสบุ๊คและตลาดพระแผง อีกหน่อยหากมีนักสะสมใหม่ๆเข้ามาศึกษาเกี่ยวกับวัตถุมงคลของ พระครูบาบุญชุ่ม ญาณส๋วโร อรัญวาสีภิกขุ  มากขึ้น จะเป็นที่นิยมต่อจากเหรียญเณรรุ่นแรกและพัดเล็ก แน่นอน!   เครดิต : teeraphong mukkat

วัตถุมงคลพระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร อรัญวาสีภิกขุ รุ่น เหรียญภูฏานพิมพ์ขอบเกลียวเชือก หรือ เหรียญจิ๊กมี่ ครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญาณสังวโร  หลัง คุรุ รินโปเช บล็อคนิยม​ ภาษาภูฏาน​ จัดสร้างขึ้นเมื่อปี 2546 รุ่น เหรียญภูฏานพิมพ์ขอบเรียบ หรือ เหรียญจิ๊กมี่ ครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญาณสังวโร หลัง คุรุ รินโปเช ( CUR U RINPOCHE) จัดสร้างขึ้นเมื่อปี 2546 มีด้วยกัน 2 พิมพ์ สร้าง 5,000 เหรียญ แบ่งเป็น 2 พิมพ์ดังนี้ รุ่น เหรียญภูฏานพิมพ์ขอบเกลียวเชือก หรือ เหรียญจิ๊กมี่ ครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญาณสังวโร  หลัง คุรุ รินโปเช บล็อคนิยม​ ภาษาภูฏาน​ จัดสร้างขึ้นเมื่อปี 2546 – พิมพ์บอกเกลียวเชือก จำนวนการจัดสร้าง 2,000 องค์   รุ่น เหรียญภูฏานพิมพ์ขอบเรียบ หรือ เหรียญจิ๊กมี่ ครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญาณสังวโร หลัง คุรุ รินโปเช ( CUR U RINPOCHE) จัดสร้างขึ้นเมื่อปี 2546 -พิมพ์ขอบเรียบ จำนวนการจัดสร้าง 3,000 องค์   เหรียญท่านครูบาบุญชุ่ม ปี 2546 รุ่น “เจ้าชายจิกมี” พิมพ์ขอบเกลียวเชือกและพิมพ์ขอบเรียบ สร้างถวายโดย สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ขณะทรงดำรงพระราชอิสริยยศ มกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แบ่งมาแจกที่ประกาศภูฏานและประเทศไทย แบ่งเป็นอย่างละครึ่งดังนี้… พิมพ์เกลียวเชือก 1,000 เหรียญ พิมพ์ขอบเรียบ 1,500 เหรียญ เป็นที่ประจักกันว่ามีชาวไทยและชาวต่างชาติหันมาสะสมเหรียญรุ่นนี้ไม่ต่างจากเหรียญรุ่นพัดเล็กเลย  ซึ่งประจุบันก็ยังมีพอมีหมุนเวียนในกลุ่มเฟสบุ๊คและตลาดพระน้อยมากๆ อีกหน่อยจะไม่ค่อยเห็นรุ่นนี้หมุนเวียนในตลาดพระบ้านเรา ส่วนมากชาวต่างชาติเช่น จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ เช่าบูชาไปเยอะพอสมควร เครดิต : teeraphong mukkat

  วันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๖ น้อมกราบพระครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญาณสํวโร อรัญวาสีภิกขุ เนื่องในวันพระ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๘ ในโอกาสที่ปฏิบัติธรรมเข้าพรรษา พระครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญาณสํวโร อรัญวาสีภิกขุ ได้เมตตาเขียนรูปภาพปริศนาธรรมออกมาให้ลูกศิษย์ลูกหาได้ศึกษาตีความหมายของธรรมะในรูปภาพเพื่อให้เกิด ศีล สมาธิ ปัญญา เข้าถึงสัจธรรม และได้ใช้ประโยชน์จากการเข้าถึงธรรมะในรูปภาพนำไปปรับใช้ในชีวิตของลูกศิษย์ทุกคน สัจธรรมที่รู้แจ้งต้องรู้ด้วยจิตแห่งธาตุรู้ ธรรมชาติตามเป็นจริงว่าทุกสิ่งเป็นเช่นนั้นเอง ขออนุโมทนาสาธุ แก่ทุกผู้ทุกคน ทุกผู้ทุกนามร่วมกันด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ 🙏🙏🙏 เครดิต : มูลนิธิบ้านบุญมหาเมตตา      

พระครูบาพ่อบุญชุ่ม ญาณสํวโร อรัญวาสีภิกขุ   เกิดเป็นคนให้มีดีสามอย่าง หนึ่งใจดี สองพูดจาดี สามทำแต่สิ่งดีๆ ฉันมองดูแต่ไม่มีผู้เห็น ฉันฟังอยู่ไม่มีผู้ได้ยิน ฉันดมอยู่แต่ไม่มีผู้ใดกลิ่น ฉันกินอยู่แต่ไม่มีผู้ได้รส ฉันถูกต้องแต่ไม่มีผู้ได้สัมผัส ฉันคิดอยู่แต่ไม่มีผู้คิด ฉันทำงานทุกอย่างแต่ไม่มีผู้ทำ ฉันพูดอยู่แต่ไม่มีผู้พูด ฉันเดินอยู่แต่ไม่มีผู้เดิน ธรรมสภาวะนี้ใครได้สัมผัสรู้ไม่ต้องกลับมาเกิดอีกต่อไป ดังเส้นผมบังภูเขา “ถ้าหมดความอยากก็หมดทุกข์”   เครดิต : สาย เลือน แลง

**เรื่องเล่าโดย….หลวงครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร อาตมา “พระบุญชุ่ม ญาณสังวโร” จำพรรษาอยู่ที่วัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพง รัฐเชียงตุง เขตพม่า ในพรรษาที่ ๒ อาตมาได้นิมิตเห็นหลวงปู่แก่เฒ่าองค์หนึ่งอายุประมาณ ๘๐-๙๐ ปี มาเทศน์ให้ฟัง ตอนที่อาตมาได้เข้ากรรมปฏิบัติไม่พูด ๗ วัน ….ท่านเทศน์สอนเรื่องการปฏิบัติให้มีสติและให้อยู่สันโดษ มีขันติ เมตตา และความเพียร ให้ถึงความพ้นทุกข์ ให้ดับเสียสิ้นชาติ ชรา พยาธิ มรณะ ให้ถึงซึ่งพระนิพพานเป็นที่สุด ท่านเทศน์เป็นภาษาบาลี และแปลเป็นภาษาไทยให้ฟังอย่างชัดเจน แล้วท่านก็เทศน์สอนเรื่องปฏิจจสมุปบาท และเทศน์ให้ฟังอีกหลายอย่าง “อาตมา” …รู้สึกปีติและอิ่มเอิบในรสพระธรรมของท่าน อาตมาจึงนึกถึงหลวงปู่องค์นั้นเสมอว่าท่านนั้นเป็นใคร และยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ได้แต่กราบขอพรท่านตลอดทุกวัน …..ต่อมาไม่นาน หลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ท่านเป็นอาจารย์องค์สุดท้ายของอาตมา ที่ท่านได้ส่งตัวอาตมาไปทำความเพียรที่ภูเขาหิมาลัย ประเทศเนปาล แล้วท่านก็ไปรับกลับมาบวชพระที่เชียงใหม่ และอาตมาก็มาจำพรรษาที่พม่า พอดีอาตมามาทำบุญคล้ายวันเกิด เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๓๑ อาตมาได้อาราธนานิมนต์หลวงปู่โง่นได้โปรดเมตตามารับเครื่องไทยทานในวันที่ ๔ หลวงปู่โง่นค้างคืนที่วัดพระธาตุดอนเรือง ท่านได้เอ่ยถึง หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่าเป็นพระที่มีเมตตาองค์หนึ่งในพระนครศรีอยุธยา ได้เป็นพระอริยบุคคลองค์หนึ่ง อาตมาได้ยินก็อิ่มเอิบปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง อยากจะไปกราบไหว้บูชาพระองค์นั้น พอดีอาตมาได้ไปทำบุญวันคล้ายวันเกิดหลวงปู่โง่น พอเสร็จก็ขออนุญาตหลวงปู่โง่นเพื่อไปกราบหลวงปู่ดู่ หลวงปู่โง่นก็อนุญาต และเขียนจดหมายกำกับไปด้วย พอไปถึงวัดสะแกก็เข้าไปกราบหลวงปู่ดู่ ท่านกำลังนั่งรับแขกอยู่ที่กุฏิไม้ พอได้เห็นหลวงปู่ดู่ก็นึกขึ้นได้ เหมือนในนิมิตตอนเข้ากรรม (หลวงปู่เฒ่าองค์นั้นก็คือหลวงปู่ดู่นั่นเอง) เกิดรู้สึกเหมือนดังพ่อลูกที่จากกันไปนานๆ จึงก้มกราบขอพรท่าน ท่านก็ให้พรแล้วยังถวายผ้าไตรกับพระพุทธรูป ๒ องค์ รูปเหมือนหลวงปู่ทวด ๑ องค์แก่อาตมา และอาตมาก็ถวายน้ำผึ้งและยา ท่านยิ้มแย้มมีเมตตาที่สุด อาตมาเอาพระบรมสารีริกธาตุน้อมถวายหลวงปู่ดู่ ท่านพูดว่า “เราเพิ่งพูดเรื่องพระธาตุเมื่อตะกี้ บัดนี้ท่านเอาพระธาตุมาถวาย เป็นนิมิตหมายมงคลยิ่ง” หลวงปู่ก็ให้พรด้วยใบหน้าที่อิ่มเอิบ อาตมาได้เอาพระธาตุอีกส่วนหนึ่งและลูกประคำให้หลวงปู่ปลุกเสกอธิษฐานจิต ท่านมีลูกศิษย์หนุ่มคนหนึ่งอายุประมาณ ๒๖ หลวงปู่ถามลูกศิษย์ว่า “สว่างไหม เห็นชัดไหม มองไปให้ลึกๆ” ลูกศิษย์ก็ตอบว่า “เห็นแล้ว สว่างแล้ว” หลวงปู่จึงปลุกเสก หลับตาอธิษฐานพระธาตุและลูกประคำ แล้วท่านก็บอกว่า “พระธาตุนี้ไปอยู่มาหลายแห่งแล้ว เคยอยู่ที่พระธาตุนครปฐม และพระธาตุนครพนม” หลวงปู่ท่านสั่งให้เก็บรักษาและบูชาให้ดี อาตมาจึงกราบนมัสการลาหลวงปู่กลับวัดพระธาตุดอนเรือง อาตมาระลึกถึงบูชาพระคุณหลวงปู่อยู่มิได้ขาด ต่อมาไม่นาน อาตมาก็ได้ไปกราบหลวงปู่อีกครั้ง หลวงปู่ท่านก็แนะนำสั่งสอนให้เร่งความเพียร หลวงปู่คงอยู่ไม่นาน อาตมาก็กลับวัดมาปฏิบัติธรรมตามคำสอนของหลวงปู่ด้วยความอุตสาหะ ยังนึกอยู่ในใจว่า ถ้ามีโอกาสตั้งใจจะกลับไปวัดสะแกอีกเพื่อไปอุปัฏฐากหลวงปู่ดู่ อยู่อีกไม่นาน อาตมาก็ได้ยินข่าวว่าหลวงปู่ท่านละสังขารเสียแล้ว เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง อาตมารู้สึกสังเวชและเสียดายหลวงปู่อย่างมาก ที่ท่านมีเมตตาอบรมสั่งสอนอาตมาซึ่งชีวิตนี้หาไม่ได้อีกแล้ว จึงนึกถึงมรณสติกรรมฐานเป็นอารมณ์ปลงเข้าไปในไตรลักษณ์เป็นกฎธรรมชาติ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อาตมาจึงอธิษฐานตั้งใจปฏิบัติธรรมตามคำสอนของหลวงปู่ทุกอย่าง ให้ถึงความพ้นทุกข์พระนิพพานเป็นที่สุด “…..หลวงปู่ท่านมรณภาพสิ้นไป เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ที่ให้ความสว่างส่องแจ้งในโลกได้ดับไป อุปมาเหมือนดังดวงประทีปที่ให้ความสว่างไสวแก่ลูกศิษย์ได้ดับไป ถึงแม้พระเดชพระคุณหลวงปู่ได้มรณะไปแล้ว แต่บุญญาบารมีที่ท่านแผ่เมตตา และรอยยิ้มอันอิ่มเอิบยังปรากฏฝังอยู่ในดวงใจอาตมา มิอาจลืมได้ ถ้าหลวงปู่มีญาณรับทราบ และแผ่เมตตาลูกศิษย์ลูกหาทุกคน ขอให้พระเดชพระคุณหลวงปู่เข้าสู่พระนิพพานเป็นอมตะแด่ท่านเทอญ อาตมาขอกราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ด้วยความเคารพสูงสุด…..” “” บทความนี้ครูบาบุญชุ่ม ญาณสังฺวโร วัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพงษ์ เขตพม่า เป็นผู้เขียน และมอบบทความดังกล่าวให้อาจารย์ ศุภรัตน์ แสงจันทร์ นำบทความมาลงในหนังสือ พระปู้จุดประทีปในดวงใจ และกายสิทธิ์

ครูบาพ่อบุญชุ่ม ญาณสํวโร เดินทางกลับวัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพงษ์ ประเทศเมียนม่า หลังจากได้ปฏิบัติศาสนกิจในประเทศไทย ในระหว่างวันที่ 7 – 16 มกราคม 2566 เครดิต Facebook : วัดป่าแดงน้อย อ.แม่สาย

งานอายุวัฒนมงคลครบรอบ 60 ปี 40่ พรรษา ขบวนแห่ครูบาบุญชุ่มวันที่5 มกราคม 2566 ณ วัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพงษ์ จ.ท่าขี้เหล็ก รัฐฉานตะวันออก มีพี่น้องชาวไตยและหลายๆชาติพันธุ์ในรัฐฉาน มาร่วมทำบุญกันเป็นจำนวนมาก

ภาพบรรยากาศงานทำบุญอายุวัฒนมงคล ๕๙ ปี ๓๙ พรรษา พระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร อรัญวาสีภิกขุ และพิธียกช่อฟ้า พระวิหารหลวงบุญชุ่มรัตนปุรีศรีธรรมราชา ณ วัดพระธาตุดอยเวียงแก้ว วันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๖ ท่ามกลางบรรยากาศศิษยานุศิษย์เนืองแน่น เครดิต Facebook : วัดป่าแดงน้อย อ.แม่สาย  

เนื้อหาจำลองแบบเรียบๆ ที่ใช้กันในธุรกิจงานพิมพ์หรืองานเรียงพิมพ์ มันได้กลายมาเป็นเนื้อหาจำลองมาตรฐานของธุรกิจดังกล่าวมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เมื่อเครื่องพิมพ์โนเนมเครื่องหนึ่งนำรางตัวพิมพ์มาสลับสับตำแหน่งตัวอักษรเพื่อทำหนังสือตัวอย่าง Lorem Ipsum อยู่ยงคงกระพันมาไม่ใช่แค่เพียงห้าศตวรรษ แต่อยู่มาจนถึงยุคที่พลิกโฉมเข้าสู่งานเรียงพิมพ์ด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ และยังคงสภาพเดิมไว้อย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง มันได้รับความนิยมมากขึ้นในยุค ค.ศ. 1960 เมื่อแผ่น Letraset วางจำหน่ายโดยมีข้อความบนนั้นเป็น Lorem Ipsum และล่าสุดกว่านั้น คือเมื่อซอฟท์แวร์การทำสื่อสิ่งพิมพ์ (Desktop Publishing) อย่าง Aldus PageMaker ได้รวมเอา Lorem Ipsum เวอร์ชั่นต่างๆ เข้าไว้ในซอฟท์แวร์ด้วย

เนื้อหาจำลองแบบเรียบๆ ที่ใช้กันในธุรกิจงานพิมพ์หรืองานเรียงพิมพ์ มันได้กลายมาเป็นเนื้อหาจำลองมาตรฐานของธุรกิจดังกล่าวมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เมื่อเครื่องพิมพ์โนเนมเครื่องหนึ่งนำรางตัวพิมพ์มาสลับสับตำแหน่งตัวอักษรเพื่อทำหนังสือตัวอย่าง Lorem Ipsum อยู่ยงคงกระพันมาไม่ใช่แค่เพียงห้าศตวรรษ แต่อยู่มาจนถึงยุคที่พลิกโฉมเข้าสู่งานเรียงพิมพ์ด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ และยังคงสภาพเดิมไว้อย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง มันได้รับความนิยมมากขึ้นในยุค ค.ศ. 1960 เมื่อแผ่น Letraset วางจำหน่ายโดยมีข้อความบนนั้นเป็น Lorem Ipsum และล่าสุดกว่านั้น คือเมื่อซอฟท์แวร์การทำสื่อสิ่งพิมพ์ (Desktop Publishing) อย่าง Aldus PageMaker ได้รวมเอา Lorem Ipsum เวอร์ชั่นต่างๆ เข้าไว้ในซอฟท์แวร์ด้วย